วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ประวัติความเป็นมาของ ดาวหาง

สวัสดีครับ มาพบกันอีกครั้ง วันนี้เรานำประวัติความเป็นมาของ ดาวหาง ที่เพื่อนๆอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน ดาวหางจะเป็นยังไงกันบ้าง พร้อมกันหรือยังครับ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปชมกันเล้ยยย.... ^^

   

ดาวหาง (Comet) คือ วัตถุชนิดหนึ่งในระบบสุริยะที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ มีส่วนที่ระเหิดเป็นแก๊สเมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดชั้นฝุ่นและแก๊สที่ฝ้ามัวล้อมรอบ และทอดเหยียดออกไปภายนอกจนดูเหมือนหาง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์จากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ไปบนนิวเคลียสของดาวหาง นิวเคลียสหรือใจกลางดาวหางเป็น "ก้อนหิมะสกปรก" ประกอบด้วยน้ำแข็ง คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน แอมโมเนีย และมีฝุ่นกับหินแข็งปะปนอยู่ด้วยกัน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ไม่กี่กิโลเมตรไปจนถึงหลายสิบกิโลเมตร

       คาบการโคจรของดาวหางมีความยาวนานแตกต่างกันได้หลายแบบ ตั้งแต่คาบโคจรเพียงไม่กี่ปี คาบโคจร 50-100 ปี จนถึงหลายร้อยหรือหลายพันปี เชื่อว่าดาวหางบางดวงเคยผ่านเข้ามาในใจกลางระบบสุริยะเพียงครั้งเดียว แล้วเหวี่ยงตัวเองออกไปสู่อวกาศระหว่างดาว ดาวหางที่มีคาบการโคจรสั้นนั้นเชื่อว่าแต่เดิมเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในแถบไคเปอร์ที่อยู่เลยวงโคจรของดาวเนปจูนออกไป ส่วนดาวหางที่มีคาบการโคจรยาวอาจมาจากแหล่งอื่น ๆ ที่ไกลจากดวงอาทิตย์ของเรามาก เช่นในกลุ่มเมฆออร์ตซึ่งประกอบด้วยเศษซากที่หลงเหลืออยู่จากการบีบอัดตัวของเนบิวลา ดาวหางเหล่านี้ได้รับแรงโน้มถ่วงรบกวนจากดาวเคราะห์รอบนอก (กรณีของวัตถุในแถบไคเปอร์) จากดวงดาวอื่นใกล้เคียง (กรณีของวัตถุในกลุ่มเมฆออร์ต) หรือจากการชนกัน ทำให้มันเคลื่อนเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์น้อยมีกำเนิดจากกระบวนการที่ต่างไปจากนี้ อย่างไรก็ดี ดาวหางที่มีอายุเก่าแก่มากจนกระทั่งส่วนที่สามารถระเหิดเป็นแก๊สได้สูญสลายไปจนหมดก็อาจมีสภาพคล้ายคลึงกับดาวเคราะห์น้อยก็ได้ เชื่อว่าดาวเคราะห์น้อยใกล้โลกหลายดวงเคยเป็นดาวหางมาก่อน


       นับถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2009 มีรายงานการค้นพบดาวหางแล้ว 3,648 ดวง[1] ในจำนวนนี้หลายร้อยดวงเป็นดาวหางคาบสั้น การค้นพบยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนที่ค้นพบแล้วเป็นแค่เศษเสี้ยวเพียงเล็กน้อยของจำนวนดาวหางทั้งหมดเท่านั้น วัตถุอวกาศที่มีลักษณะคล้ายกับดาวหางในระบบสุริยะรอบนอกอาจมีจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านล้านชิ้น[2] ดาวหางที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ามีปรากฏโดยเฉลี่ยอย่างน้อยปีละหนึ่งดวง[3] ในจำนวนนี้หลายดวงมองเห็นได้เพียงจาง ๆ เท่านั้น

       ดาวหางที่สว่างมากจนสามารถสังเกตเห็นด้วยตาเปล่าได้โดยง่ายมักเรียกว่าดาวหางใหญ่ (อังกฤษ: Great Comet) นอกจากนี้ยังมีดาวหางประเภทเฉียดดวงอาทิตย์ ซึ่งมักจะแตกสลายเมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากๆ อันเป็นผลจากแรงโน้มถ่วงมหาศาล เป็นที่มาของฝนดาวตกต่างๆ และดาวหางอีกจำนวนนับพันดวงที่มีวงโคจรไม่เสถียร

ชื่อและสัญลักษณ์
      คำว่า "ดาวหาง" (comet) มีรากศัพท์จากภาษาละตินว่า (cometes) ซึ่งมาจากคำภาษากรีก komē มีความหมายว่า "เส้นผมจากศีรษะ" อริสโตเติลเป็นคนแรกที่ใช้ชื่อ komētēs กับดาวหาง เพื่อบรรยายว่ามันเป็น "ดาวที่มีผม" สัญลักษณ์ทางดาราศาสตร์สำหรับดาวหางคือ (☄) ซึ่งเป็นภาพวาดแผ่นกลมกับเส้นหางยาว ๆ เหมือนเส้นผม

เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับดาวหางในวันนี้ หวังว่าเพื่อนๆคงจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้นะครับ
ครั้งหน้าจะมีเรื่องอะไรมานำเสนอ อย่าลืมคอยติดตามชมนะครับ

อย่าลืมกดไลค์กดแชร์ให้กันด้วยนะครับ

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วิธีการดูแลรักษากล้องดูดาว


     สวัสดีครับ เราเคยพูดถึงเรื่องของการใช้งานกล้องดูดาวกันไปแล้ว วันนี้เราจะมาพูดกันต่อในส่วนของการดูแลรักษากล้องดูดาวกันบ้าง ว่ามีวิธีดูแลรักษายังไง มาลองดูกันเลยครับ

      วิธีการดูแลกล้องดูดาวที่ถูกต้องเป็นอย่างไร?
กล้องดูดาวนั้นใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก แต่ให้ยึดหลัก 3 ข้อ ดังต่อไปนี้
→ ไม่ตก
→ ไม่เปียก 
→ ไม่ร้อน

การใช้งานกล้องดูดาวนั้นห้ามทำตกพื้น (รวมถึงการกระแทกเนื่องจากการขนย้ายกล้อง)เพราะจะทำให้เลนส์ข้างในเคลื่อนตัวไม่เป็นระนาบเดิมที่ตั้งมาจากโรงงานและอาจทำให้คุณภาพของภาพที่ได้จากกล้องลดลงอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นเลนส์หรือกระจกภายในกล้องอาจแตกได้

    ไม่เปียกนั้นคือการรักษาให้กล้องดูดาวแห้งสนิทตลอดเวลา การที่ทำให้กล้องดูดาวเปียกชื้น หรือแม้แต่ตั้งทิ้งไว้เฉยๆ ในห้องพักอาศัยจะส่งผลให้เลนส์อาจเกิดเชื้อราได้ ความชื้นหลังจากการใช้งานก็มีส่วนสำคัญยิ่ง เช่นบางครั้งท่านไปดูดาวแถวเขาใหญ่ซึ่งตอนกลางคืนนั้นจะมีน้ำค้างลงมาอย่างรุนแรงมาก เข้าขั้นว่าตอนเช้าเห็นกล้องดูดาวอาบน้ำกันเลยทีเดียว วิธีทำให้แห้งสามารถใช้ ไดเป่าผม เป่าให้แห้งจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่ควรใช้ผ้าหรือทิชชูเช็ดที่เลนส์ของกล้องดูดาว 

     ยิ่งไปกว่านั้นการเก็บกล้องดูดาวควรมีสารดูดซับความชื้นเก็บไว้กับตัวกล้องเสมอเพราะถึงแม้หน้ากล้องจะแห้งแล้ว แต่ช่องว่างในตัวกล้องซึ่งมีช่องต่อจากเลนส์ใกล้ตามาที่ตัวกล้องเป็นอีกสาเหตุนึงให้กล้องดูดาวเกิดเชื้อราขึ้นภายใน ดังนั้น ควรใส่สารดูดความชื้นไว้ในกล่องที่เก็บกล้องดูดาวเสมอ


     ไม่ร้อนนั้นเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะความร้อนจะค่อย ๆ ทำให้ลำตัวกล้องดูดาวเกิดการบิดเบี้ยวทีละนิ้ดมากขึ้นไปเรื่อย ๆ และทำให้ระนาบของเลนส์ที่ตั้งไว้จากโรงงานผิดเพี้ยนไป อย่างไหนที่เรียกว่าร้อนบ้าง? ยกตัวอย่างเช่น ท่านเป็นคนชอบดูดาวมากจนต้องเก็บกล้องติดไว้กับรถของท่านตลอดเวลา ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพราะรถของท่านอาจไปจอดในที่มีแดด ซึ่งอุณหภูมิสูงสุดภายในรถนั้นอาจขึ้นถึง 60 องศาเซลเซียสเลยทีเดีย

        เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับการดูแลรักษากล้องดูดาวที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ครั้งหน้าจะมีเรื่องอะไรมาเสนอ อย่าลืมติดตามกันนะครับ